ผู้ว่า ธปท. เผยไทยอาจะติดลบลึกสุดในภูมิภาค

ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เผยไทยอาจติดลบสูงสุดในภูมิภาค

จากการประเมินจากผู้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทย (Economy of Thailand) ซึ่งอาจจะติดลบมากที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทย เป็นประเทศที่พึ่งพาต่างประเทศมากที่สุด ซึ่งเราต้องเร่งปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจ ในปัจจุบันประเทศไทยใช้มาตรการดอกเบี้ยนโยบายต่ำ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจน ล่าสุดทาง ธปท. ได้ออกมาเปิดเผยว่า เครื่องมือนโยบายทางการคลังเริ่มจำกัด ถึงแม้ในตอนนี้กำลังซื้อภายในประเทศไทย จะชดเชยไม่ได้ หากไม่ทำเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะติดลบมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ทางธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ถึงจะสามารถกลับมาฟื้นตัวเท่ากับก่อนที่จะเกิดโควิดระบาด ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังออกมาเตือนอีกด้วยว่า เศรษฐกิจไทยถึงจะผ่านจุดต่ำสุดของไตรมาสที่ 2 ไปแล้ว แต่อย่ามองโลกในแง่ดี ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบธรรมชาติตามวัฎจักร เพราะว่าต่างประเทศ ยังต้องเจอกับปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดอยู่ แถมยังหลายๆประเทศยังเป้นประเทศคู่ค้าของไทยด้วยทาง ธปท. ได้ออกโรงเตือนให้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ อย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ, ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน ให้ดูมาตรการที่เฉพาะจงลง ลดการใช้มาตรการหว่านแห นอกจากนี้ยังแสดงความเป็นห่วง ตัวเลขว่างงานภายในประเทศไทย ที่มีตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นทุกเดือนอีกด้วย โจทย์หลักก็คือการสร้างงานอย่างน้อย 1 ล้านตำแหน่งที่มีความต่อเนื่อง

จากการตรวจสอบ ธนาคารกลางหลายๆแห่งทั่วโลก จะคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาแนะนำให้ทำประกันความเสี่ยงค่าเงินเอาไว้ และ ทำการซื้อขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นให้มากขึ้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงต้องใช้ อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง อีกนานพอสมควร เครื่องมือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเงิน และ การคลัง มีจำกัดมากขึ้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำให้ประสานนโยบายเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการลดความสิ้นเปลือง

สรุปคำแนะนำจาก ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 

  • แนะนำให้ภาครัฐ และ ภาคเอกชน มีมาตรการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ลดการใช้มาตรการหว่านแห
  • โจทย์สำคัญมีการสร้างงานอย่างน้อย 1 ล้านตำแหน่ง
  • ทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน และ ซื้อขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น
  • ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำต่อเนื่อง

ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย จะได้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ คือ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ทางผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบันหรือ นายวิรไท ได้กล่าวถึงการรับไม้ต่อจากตนครั้งนี้ว่าตนเชื่อมั่นในฝีมือของ นายเศรษฐพุฒิ และ ยังเชื่อว่าสามารถสานต่องานหลัก ในด้านยุทธศาสตร์ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ เพราะว่ามีความคุ้มเคยอย่างดี นายวิรไท ยังได้ฝากถึงผู้ว่าคนใหม่ ว่าให้เดินหน้าในเรื่องการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ให้ควบคู่กับการปรับโครงสร้างธุรกิจ พร้อมกับการดูแลเสถียรภาพระบบทางการเงินทั้งหมด ปัจจุบันสภาพคล่องทางการเงินในตลาดโลกมีสูง บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้พฤติกรรมของนักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดที่มีผลตอบแทนสูง การดูแลระบบเสถียรภาพทางการเงินของไทย ถือว่ามีความสำคัญมาก