มาตรการโฆษณาล่าสุด จากทาง Facebook เพื่อป้องกันราคาไม่เป็นธรรม

ในปัจจุบันหน้ากากอนามัย ในประเทศไทยของเรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนอย่างมาก ทำให้ทำบุคลากรทางการแพทย์ และ พยาบาลของประเทศไทย ต่างออกมาขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยกันเยอะมากๆ เนื่องจากมีหน้ากากอนามัยใช้ไม่เพียงพอต่อวัน จากที่เราเห็นตามข่าวหน้าสือพิมพ์ และ ข่าวจากทางช่องโทรทัศน์ต่างๆ ว่าตอนนี้มีการกักตุนหน้ากากอนามัยเกิดขึ้นในประเทศไทย ทำให้หน้ากากอนามัยในตอนนี้หายากมากๆ หลายๆคนไม่มีหน้ากากอนามัยใช้ ต้องนำผ้ามาใช้แทน แต่ว่าเราก็ยังเห็นเว็บไซต์ชั้นนำต่างๆ ยังมีหน้ากากอนามัยขายกัน แต่ขายกันในราคาที่สูงมาก หน้ากากอนามัยเมื่อก่อน ราคาไม่ถึง 100 บาท แต่ในปัจจุบัน ราคาปกเข้าไป 900 กว่าบาท แล้วเป็นช่วงที่มีพ่อค้าแม่ค้า หลายๆคนฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย กักตุน หลายๆคนทำเงินในช่วยที่เกิดวิกฤตได้เป็นแสนๆเลยทีเดียว

ล่าสุดทาง Facebook ได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับการแบน การซื้อ Facebook Ads สำหรับการขายหน้ากากอนามัยชั่วคราว เพื่อเป็นการป้องกันการตั้งราคาที่เกินความเป็นจริง และ การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และ ที่สำคัญ เพื่อป้องกันบุคคล ที่มองหาผลประโยชน์จากการแพร่กระจายของ COVID-19

Rob Leathern ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายการจัดการสินค้าของทาง Facebook ได้ออกมาประกาศผ่านทาง Twitter โดยมีใจความว่า “เราได้ทำการแบนการซื้อโฆษณา และ หน้ากากอนามัย ชั่วคราว” เนื่องจากทาง Facebook ได้มีการตรวจสอบในเรื่อง COVID-19 อย่างใกล้ชิด เพื่ออัพเดทนโยบาย ถ้าพบว่า คนกำลังหาวิธีใช้ประโยชน์สถานการณ์ฉุกเฉิน ทางด้านสาธารสุข

จากนโยบายดังกล่าว ทำให้ Facebook ได้ออกมา แบน! โฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมไปถึงการที่ลงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการรักษา หรือ ป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 ในขณะที่ทั่วโลก กำลังเกิดความวิตกกังวล เกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อยู่ในขณะนี้ มีหลายๆแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้ออกนโยบาย เพื่อหยุดการตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม และ การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมไปถึง Amazon ด้วย ที่มีนโยบายจำกัดการขายสินค้า บนเว็บไซต์ ที่ตั้งราคาเกินความจริง ยกตัวอย่างเช่น หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ เป็นต้น

ทาง Facebook ยังได้ออกมาประกาศอีกด้วยว่า “การค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไวรัส โควิด-19 บนแพลตฟอร์มของ Facebook นั้นจะขึ้นอยู่กับองค์การอนามัยโลก และ หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น” ทาง Facebook ได้มีการทำงานร่วมกับ UNICEF, WHO และ CDC เพื่อเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน นอกจากนี้ทาง Facebook ยังให้ทาง องค์การอนามัยโลก สามารถลงโฆษณากับทาง Facebook ได้ฟรี เท่าที่ต้องการ เพื่อรับมือกับ COVID-19 ได้อย่างเต็มที่