เปรียบเทียบ Google Ads และ Facebook Ads

เปรียบเทียบ Google Ads และ Facebook Ads โฆษณาผ่านเจ้าไหนดี?

ปัจจุบันนี้ การทำโฆษณาบนออนไลน์ถือเป็นการกระตุ้นยอดขายได้ดีเป็นอย่างมาก วันนี้จึงมาสรุปการเปรียบเทียบระหว่าง Search engine ยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Social Media Community ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Facebook ให้ได้อ่านกัน


Google Adwords หรือ Google Ads

เป็นที่รู้จักกันดีว่าโฆษณา Google Adwords เป็นวิธีการตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในการโฆษณาทางออนไลน์ ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อแพลตฟอร์มโฆษณานี้เป็น Google Ads เพราะมีเครื่องมือเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น Google Display Ads, Google Form เป็นต้น โดยวิธีการใช้งานในการโฆษณาหลักๆคือการ Bidding โดยจะใช้วิธีการเสนอราคาที่ผู้โฆษณาเสนอราคาสำหรับ คำ หรือ Keywords หลัก โดยเมื่อมีการค้นหาคำนั้นหรือคีย์เวิร์ดนั้นจะมีเว็บไซต์สินค้าหรือบริการของคุณอยู่ในหน้าแรกของการ Search บน Google

ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกที่ลิงก์โฆษณาเว็บไซต์ของคุณ ทาง Google จะเรียกเก็บเงินจำนวนหนึ่งจากผู้โฆษณาทำให้เป็นวิธีการโฆษณา PPC (Pay per Click) หรือจ่ายต่อคลิก ยิ่งการค้นหาคำหลักสำหรับเว็บไซต์ของคุณเป็นที่นิยมมากเท่าใด PPC ยิ่งสูงขึ้นนั่นเอง


Facebook Ads

เมื่อ Facebook ได้เปิดตัวในปี 2007 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกของการโฆษณาเลยทีเดียว ผู้ใช้งานขณะนี้โดยประมาณมากถึง 37 ล้านบัญชี เพราะเครือข่ายทางสังคมอย่าง Facebook นั้นถือเป็น community ที่ใหญ่มาก ทำให้มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน (Behavior) ความสนใจ (Interest) และกิจกรรม (Activity) โดยพฤติกรรมตามความสนใจเหล่านี้ เปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการโฆษณา สามารถกำหนดเป้าหมายตามความสนใจ (Interest) สถานที่ (Location) เพศ (Gender) และพฤติกรรมอื่นๆ กล่าวง่ายๆว่าโฆษณา Facebook ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าหรือสิ่งที่พวกเขาสนใจมากกว่าจะเห็นโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ชอบนั่นเอง

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการโฆษณาบน Facebook ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชมโฆษณา (Audience) ที่กำหนดเป้าหมายไว้ โดยการกำหนดเป้าหมายแบบกว้างๆ จะมีราคาถูกกว่า แต่ถ้าต้องการกำหนดเป้าหมายที่แคบกว่า โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนแบบเฉพาะเจาะจง จะต้องใช้งบประมาณที่สูงขึ้นตามมาด้วย


ข้อดีของ Google Ads และ Facebook Ads

ตอนนี้ทั้ง Google และ Facebook มีข้อดีและวิธีการใช้งานที่ไม่เหมือนกันในแต่ละแพลตฟอร์ม เมื่อเปรียบเทียบโฆษณา Facebook กับโฆษณา Google เพื่อความชัดเจนครั้งนี้ ลองมาดูกันว่าอะไรดีกว่ากันและอะไรที่โดดเด่นในแต่ละเครื่องมือการใช้งาน



ข้อดีของ Google Ads

Google เป็นผู้บุกเบิกการโฆษณาออนไลน์และมีข้อได้เปรียบเหนือ Facebook มีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน

  1. ขนาดของผู้ชมที่ไม่มีใครเทียบได้
    ในขณะที่ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุด Google ก็ถือว่าคือสิ่งที่คนมีอินเทอร์เน็ตต้องใช้ ด้วยการค้นหามากกว่า 40,000 ข้อความต่อวินาที Google มีขนาดผู้ชมที่ใช้งานอยู่จำนวนมาก ซึ่งไม่มีแพลตฟอร์มอื่นเข้ามาแทนได้ นั่นหมายความว่า Google สามารถแสดงโฆษณาของคุณในจำนวนที่มากกว่า Facebook จากนั้นก็มี YouTube ที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของ Google ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักการตลาด หลายคนหันมาใช้บริการโฆษณาบนแพลตฟอร์มนั้นเช่นกัน


  2.  มีการโฆษณาหลากหลายรูปแบบ
    Google มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลายควบคู่ไปกับประเภทข้อความทั่วไป ซึ่งตอนนี้มีการพัฒนารูปแบบ Google Displays รวมถึงเครื่องมือการค้นหา Google Shopping ตัวอย่างเช่น การค้นหาโรงแรมที่พัก มีการนำเสนอรูปแบบผลลัพธ์เป็นรูปภาพหรือความพิเศษอื่นๆร่วมด้วย เป็นต้น


  3. เครื่องมือวัดผลที่ละเอียดและแม่นยำ
    เครื่องมือวิเคราะห์ที่โฆษณา Google นำเสนอนั้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการวิเคราะห์ เพราะง่ายต่อการตรวจสอบแนวโน้มต่างๆและสถิติทั่วไปของแต่ละแคมเปญที่ทำการโฆษณา แสดงให้เห็นว่าโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือน้อยลง ด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงเหล่านี้คุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบขึ้น


  4. การควบคุมงบประมาณ หรือ Budget ที่มีอย่างจำกัดได้ดี
    Google จะมีการมุ่งเน้นที่คุณภาพของโฆษณาและความเกี่ยวข้องของโฆษณาที่สร้างขึ้น ซึ่งหมายความว่า ทาง Google จะช่วยให้นักโฆษณาออนไลน์ สามารถกำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละวันของการโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุดและจะมีการจัดลำดับที่ดีกว่าการทำ SEO อีกด้วย


ข้อดีของ Facebook Ads

  1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมายขั้นสูงบน Facebook
    Facebook มีผู้ใช้งานรายเดือนมากถึง 1.55 พันล้านคน โดย Facebook จะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน 1 ใน 3 ของประชากรโลก และช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายผู้ชมตามพฤติกรรม (Behavior) ความสนใจ (Interest) ข้อมูลประชากร (Demographics) ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น รวมถึงการกระทำของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มจะถูกนำมาจัดเก็บและวิเคราะห์ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดขึ้น และปัจจุบัน Facebook ยังเป็นเจ้าของ Instagram ที่สามารถช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายลูกค้าและขยายกลุ่มลูกค้าบนช่องทางอื่นได้อีกด้วย


  2. การดึงดูดสายตาของผู้ชมด้วยภาพหรือวิดีโอ
    ใน Facebook จะให้ความสำคัญกับ รูปภาพรวมถึงภาพเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ หรือ gif การโฆษณาบน Facebook จะดึงดูดสายตามากกว่า นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมของโฆษณา คือ การที่ผู้ใช้จะเลื่อนผ่านในฟีดข่าว นำไปสู่การมีส่วนร่วมของผู้ใช้มากขึ้นและกระตุ้นการเกิดยอดขายทำให้ลูกค้า สามารถเชื่อมโยงกับโฆษณาได้มากขึ้น


  3. ราคาโฆษณาไม่แพง
    การกำหนดราคาโฆษณาของ Facebook นั้นมีราคาไม่แพง เนื่องจาก CPC (Cost per Click) เฉลี่ย (ต้นทุนต่อคลิก) นั้นต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับ Google และนักโฆษณาสามารถควบคุมราคา โดยกำหนดราคา CPC สูงสุดที่ยินดีจ่ายได้ แต่อย่างไรก็ตาม Facebook มีการกำหนดค่าใช้จ่ายโฆษณาหรืองบประมาณขั้นต่ำคือ $1 USD หรือประมาณ 30 บาทต่อวันเท่านั้น แต่มันสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย


 

แสดงความคิดเห็นของคุณ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *