ความสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

  • จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีประเด็นปัญหาสภาพอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 ที่กลับมาแพร่กระจายอีกครั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
  • และในวันนี้มลภาวะทางอากาศแพร่กระจายไปด้วย PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเช้า ทำให้หลายๆ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก จึงมีโอกาสมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับการใช้งานป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้ออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

3 ขั้นตอนการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

  1. ตรวจสอบขนาดห้อง หรือพิจารณาพื้นที่ของบ้านว่ามีขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ซึ่งควรเลือกซื้อตามขนาดของห้อง เช่น
    • ห้องขนาดเล็ก ควรซื้อเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก ถึงขนาดกลางเพื่อความเหมาะสมทั้งในแง่ของการทำงานของตัวเครื่อง และการใช้ไฟจะไม่เปลืองค่าไฟ
    • ห้องขนาดใหญ่ควรซื้อเครื่องฟอกอากาศขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ขึ้นไป เพื่อการทำงานของเครื่องฟอกอากาศที่ดียิ่งขึ้น และสามารถป้องกันได้ดีกว่า ถ้าซื้อขนาดเล็ก ตัวเครื่องอาจทำงานหนักเกินกว่ามาตรฐาน
  2. พิจารณาสเปค หรือรายละเอียดคุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศแต่ละยี่ห้อ โดยอาจจะเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศแต่ละชนิดแต่ละแบรนด์ โดยเน้นไปที่ข้อมูลดังนี้
    • อัตราความสามารถในการขจัดอนุภาค/อนุภาคละเอียด และอัตราการกรอง PM2.5 ของเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งสูงยิ่งดี
    • มีเซนเซอร์ PM2.5 หรือไม่
    • ชนิดของแผ่นกรอง และอายุการใช้งานแผ่นกรองที่แนะนำ ซึ่งแผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ HEPA filter ดักจับฝุ่นได้ละเอียดกว่าชนิดอื่นๆ ส่วนอายุการใช้งานให้พิจารณาตามความเหมาะสม
    • อัตราการประหยัดพลังงานควรมีค่าสูง
    • ค่าอัตรา CADR ( Clean Air Delivery Rate) ยิ่งสูงยิ่งมีประสิทธิภาพ
    • ค่าอัตรา AirFlow ยิ่งสูงก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ
  3. ตรวจสอบฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น เช่น เสียงการทำงานของตัวเครื่องดังแค่ไหน ควรเลือกเครื่องที่มีโหมดกลางคืน เสียงเงียบ รวมถึงตัวช่วยในการตรวจวัดปริมาณฝุ่น โหมดเปิด-ปิดอัตโนมัติ และสิ่งสำคัญควรตรวจสอบระยะเวลาการประกันการใช้งานของตัวเครื่องด้วย

แสดงความคิดเห็นของคุณ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *