กรมขนส่งฯ เปิดให้ต่อใบขับขี่ จองคิวผ่านออนไลน์เท่านั้น เช็คกันที่นี่!

กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ต่ออายุใบขับขี่แล้ว

กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ต่ออายุใบขับขี่ โดยจะเริ่มให้บริการวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 ที่จะถึงนี้ แต่ต้องจองคิวล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์เท่านั้น เริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้ (5 พฤษภาคม 2563) ในส่วนของการออกใบขับขี่ใหม่ยังงดให้บริการ เปิดบริการ ดังนี้


1) บริการเฉพาะกระบวนงานที่ไม่มีการอบรม

  1. การขอใบแทนกรณีใบอนุญาตขับรถ ใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ และบัตรประจำตัวผู้ขับรถ ชำรุดหรือสูญหาย

  2. การขอแก้ไขรายการในใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ

  3. การขอรับใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ

  4. การขอหนังสือรับรองใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (แล้วแต่กรณี)

  5. ผู้ที่มีหนังสือรับรองจากโรงเรียนการขนส่ง หรือโรงเรียนสอนขับรถที่กรมการขนส่งทางบกให้การรับรอง และสถาบันการศึกษาที่ทำ MOU กับกรมการขนส่งทางบก (กรณีหนังสือรับรองที่หมดอายุในช่วงงดให้บริการ ได้รับสิทธิขยายเวลา)

  6. การขอรับและต่อใบอนุญาตขับรถสาธารณะและใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ (ประเภท ท.) ที่ผ่านการอบรมและทดสอบแล้วก่อนหน้านี้ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งผลการตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากรรม

  7. การขอคัดและรับรองสำเนาใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ

  8. การขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นนายตรวจ ผู้เก็บค่าโดยสาร และผู้บริการ

  9. การเปลี่ยนประเภท จากใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็นชนิดส่วนบุคคล 5 ปี (รับเฉพาะใบอนุญาตที่สิ้นอายุไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น)

  10. การขอรับใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต ที่ผ่านการอบรมแล้ว แต่ไม่ผ่านการทดสอบข้อเขียนหรือการทดสอบขับรถ อยู่ระหว่างการสอบแก้ตัวใหม่ ในช่วงที่มีการงดดำเนินการก่อนหน้านี้

2) บริการกระบวนงานการต่ออายุใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกที่ได้อบรมผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com

  1. การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (5 ปี ต่อเป็น 5 ปี) รถสาธารณะ (ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์) และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ (ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก) ล่วงหน้า 90 วัน หรือ สิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี อบรมผ่านระบบ e-Learning

  2. การต่ออายุใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ที่สิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2562 ได้รับสิทธิขยายเวลาช่วงงดให้บริการ อบรมผ่านระบบ e-Learning ได้รับการยกเว้นทดสอบข้อเขียน

  3. การต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ที่สิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2560 ได้รับสิทธิขยายเวลาช่วงงดให้บริการ อบรมผ่านระบบ e-Learning ได้รับการยกเว้นทดสอบขับรถ

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ออนไลน์

  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ www.dlt-elearning.com
  2. กดปุ่ม “ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม”
  3. กรอกข้อมูล และเลือก “ขั้นตอนต่อไป”
  4. ดูวิดีโอการอบรมที่เลือก ระหว่างการชมวิดีโออบรม จะมีให้ตอบคำถาม 3 ข้อ
  5. เมื่อดูวิดีโอจบ ให้เลือก “กรอกข้อมูล”
  6. กรอกข้อมูล ยืนยันตัวตนอีกครั้ง
  7. กรอกข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วเลือก “เสร็จสิ้นการอบรม”
  8. ตรวจสอบผลได้ทันที โดยเลือกที่ “ตรวจสอบสถานะการอบรมออนไลน์”
  9. กรอกเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนและเลขที่ใบอนุญาตขับรถ เลือก “ตรวจสอบสถานะ”

การจองคิวออนไลน์ต่อใบขับขี่

สามารถจองคิวผ่านแอปพลิเคชันเพื่อมาดำเนินการในวันทำการอื่น โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue

  • จองผ่านแอพฯ ระบบปฏิบัติการ iOS Link: https://apple.co/2GIHARd
  • จองผ่านแอพฯ ระบบปฏิบัติการ Android Link: http://bit.ly/2IkLpyO
  • จองผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ของกรมการขนส่งทางบก

เปิดให้บริการเฉพาะกระบวนงานที่ไม่ต้องอบรมและผู้ผ่านการอบรมจากระบบ e-Learning ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยต้องจองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น ส่วนการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ยังงดให้บริการ ย้ำ! ต้องประเมินสถานการณ์รายวัน ยึดความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ


*หมายเหตุ 5 จังหวัดที่ยังไม่เปิดให้บริการ

  • 1. อุบลราชธานี
  • 2.สมุทรปราการ
  • 3.นครราชสีมา
  • 4.ยโสธร
  • 5.มุกดาหาร

ข้อที่ควรรู้เบื้องต้น

  • สำหรับรถส่วนบุคคล ใช้เวลาอบรม 1 ชั่วโมง
  • สำหรับรถขนส่ง ใช้เวลาอบรม 2 ชั่วโมง
  • สำหรับรถสาธารณะ ใช้เวลาอบรม 3 ชั่วโมง

ข้อจำกัดในการอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์นี้
– เฉพาะผู้ที่ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี
– ผู้ที่ประสงค์จะต่ออายุล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน
– การเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี ไม่ต้องอบรม

*ผู้อบรมออนไลน์จะต้องเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายที่กรมขนส่งด้วย และออกใบอนุญาตขับรถได้ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ผ่านการอบรม

ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2563


ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Page: กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News