
วิธีการลงทะเบียนร้านค้าเพื่อเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง พลัส เอกสารที่ต้องเตรียม
1. เหตุผลที่ร้านค้าควรเข้าร่วม
-
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส จะได้รับโอกาส รับลูกค้าที่ใช้สิทธิของประชาชน ผ่านแอปฯ และระบบที่รัฐจัดให้ โดยประชาชนใช้จ่ายเงิน ส่วนหนึ่งรัฐช่วยจ่ายอีกส่วนหนึ่ง → ทำให้ร้านค้ารายย่อยได้ยอดขายเพิ่มขึ้น
-
โครงการนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ร้านค้า ท้องถิ่นรายเล็กได้ประโยชน์โดยตรง
-
การสมัครให้เร็วช่วยให้ร้านค้าอยู่ในระบบก่อนที่สิทธิจะเต็ม และพร้อมรับการชำระเงินจากผู้ใช้สิทธิทันที
2. คุณสมบัติร้านค้าที่เข้าร่วมได้
จากข่าวล่าสุดสำหรับคนละครึ่ง พลัส ร้านค้า (ผู้ประกอบการ) ที่มีสิทธิสมัครได้มีเงื่อนไขดังนี้:
-
เป็นร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป (รวมบริการบางประเภท เช่น สปา ทำผม ขนส่งสาธารณะ)
-
ร้านค้าต้องเป็นผู้ประกอบการที่ ไม่ใช่นิติบุคคล (สำหรับกรณีทั่วไป) หรือในบางเงื่อนไขจะเปิดให้วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ได้เข้าร่วมด้วย
-
มีบัญชีธนาคารกับ ธนาคารกรุงไทย (สำหรับร้านค้าใหม่) และใช้งานแอปฯ ถุงเงิน เพื่อรับเงินและตรวจสอบยอดได้
-
ร้านค้าต้องไม่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนจากโครงการของรัฐก่อนหน้า
3. หน่วยงาน/เขต ที่ต้องไปติดต่อ
-
สำหรับ ร้านค้าใหม่ (ที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการมาก่อน) — อาจจะต้องไปที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการของรัฐที่ร่วมกับธนาคาร เช่น จุดตั้งบูธของ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับธนาคารกรุงไทย เพื่อยื่นเอกสารสมัครเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง พลัส
-
สำหรับร้านค้าที่ เคยเข้าร่วมโครงการมาก่อน (ร้านค้าเดิม) — มักจะไม่ต้องไปเขต/หน่วยงานด้วยตัวเองในภาคสนาม หากข้อมูลอยู่ในระบบแล้ว แต่มักจะต้องอัปเดตแอปฯ “ถุงเงิน” และกดยอมรับเงื่อนไขในเมนู “คนละครึ่ง พลัส” ในแอปฯ เอง
-
หากร้านค้าอยู่ในเขตเมือง/กรุงเทพฯ อาจมีหน่วยงานของเขต/กรุงเทพฯ ที่รับรองการประกอบกิจการจริง ในบางกรณีเพื่อให้ตรวจสอบกิจการ (โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือ กทม. มอบหมาย)
4. เอกสาร/สิ่งที่ต้องเตรียม
ตามขั้นตอนและเงื่อนไข มีรายการเอกสารและข้อมูลที่ร้านค้าต้องเตรียมดังนี้:
รายการ | รายละเอียด |
---|---|
บัตรประชาชน | ของผู้เป็นเจ้าของ/ผู้สมัครร้านค้า |
รูปถ่ายร้านค้า | เช่น ภาพหน้าร้านที่มีเจ้าของร้านกำลังประกอบกิจการ หรือภาพภายในร้าน เพื่อแสดงว่ามีกิจการจริงอยู่ |
แบบฟอร์มสมัครเข้าร่วมโครงการ | ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์โครงการ (เช่น www.คนละครึ่ง พลัส.com) กรอกใบสมัครให้ครบ |
บัญชีธนาคารกรุงไทย | ประเภทออมทรัพย์/กระแสรายวันของร้านค้าหรือผู้ประกอบการ |
แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” | ร้านค้าต้องสมัครใช้งาน ตั้งค่า และอาจต้องอัปเดตเวอร์ชันล่าสุด |
(ในบางกรณี) หนังสือรับรองการประกอบกิจการ | โดยเจ้าหน้าที่รัฐ (กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย) รับรองว่า “ร้านค้ามีกิจการจริง” |
5. ขั้นตอนการสมัครโดยสรุป
ร้านค้าใหม่
-
ดาวน์โหลด/อัปเดตแอปฯ ถุงเงิน และสมัครเป็น “ร้านค้าถุงเงิน”
-
ตรวจสอบคุณสมบัติร้านค้า – ประเภทกิจการตามที่โครงการกำหนด
-
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสมัครจากเว็บไซต์โครงการ กรอกและเตรียมเอกสารตามรายการ → ยื่นที่ จุดบริการ/สาขาธนาคารกรุงไทย/หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
-
รอการตรวจสอบและอนุมัติ – เมื่อผ่าน จะมี SMS แจ้ง และในแอปฯ “ถุงเงิน” จะปรากฏเมนู “คนละครึ่ง พลัส” ให้กดยอมรับเงื่อนไข
-
เริ่มรับชำระจากผู้ใช้สิทธิได้ทันทีตามโครงการ
ร้านค้าเดิม (เคยเข้าร่วมโครงการก่อน)
-
เปิดแอปฯ “ถุงเงิน” → กดเมนู “คนละครึ่ง พลัส” → กดยอมรับเงื่อนไข → สามารถเริ่มใช้รับชำระได้ทันที
6. สิ่งที่ร้านค้าควรระวัง / คำแนะนำ
-
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า “บัญชีธนาคารกรุงไทย” ที่ใช้ เป็นชื่อเดียวกับเจ้าของร้านหรือผู้สมัคร และเปิดเป็นประเภทออมทรัพย์/กระแสรายวัน
-
ร้านค้าที่เป็น “แฟรนไชส์ใหญ่” หรือเป็นนิติบุคคลใหญ่ อาจ ไม่เข้าเกณฑ์ ในบางโครงการ (เช่นโครงการสำหรับร้านค้ารายย่อย)
-
ยืนยันกิจการจริงให้ชัดเจน (มีภาพถ่าย, หนังสือรับรองกิจการถ้าจำเป็น) เพื่อไม่ให้ถูกปฏิเสธ
-
ตรวจสอบให้ดีว่า เริ่มใช้รับชำระตามโครงการได้ตั้งแต่วันที่กำหนด (ร้านค้าใหม่สมัครทันตามช่วงเวลา)
-
ตรวจสอบแอปฯ “ถุงเงิน” อยู่เวอร์ชันล่าสุด และศึกษาวิธีสร้าง QR ให้ลูกค้าสแกนอย่างถูกต้อง
-
เก็บหลักฐานการรับชำระ และตรวจสอบยอดเงินที่เข้ามาให้ตรงตามที่โครงการกำหนด
7. สรุป
หากคุณเป็นเจ้าของร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป และต้องการร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส เพียงเช็กคุณสมบัติร้านค้าให้ครบ เตรียมเอกสารตามที่กำหนด (บัตรประชาชน,รูปถ่ายร้านค้า,บัญชีธนาคารกรุงไทย,แบบฟอร์มสมัคร) แล้วไปดำเนินการที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือหน่วยงานรัฐที่กำหนด หรือสมัครผ่านแอปฯ “ถุงเงิน” (สำหรับร้านค้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว) เมื่อผ่านการอนุมัติแล้วจะสามารถรับชำระจากผู้ใช้สิทธิของโครงการได้ทันที