เจาะลึกการประกาศสถานณ์การฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยมีการลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 นั้น โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 วรรค 2 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเป็นการใช้อำนาจตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามมาตรา 11 ที่ระบุว่าในกรณี ที่สถานการณ์ฉุกเฉินมีการก่อการร้าย, การใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และ ร่างกาย หรือมีเหตุอันควร ที่เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ, ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล ทำให้มีความจำเป็นที่จ้ต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการประกาศสถานการณ์ฉุกฌแินได้ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน โดยสถานการณ์ฉุกเฉินแบ่งออกเป็น 2 ระดับ
สถานการณ์ฉุกเฉินทั่วไป (มาตรา 9) นายกรัฐมนตรี มีอำนาจออกข้อกำหนดทั้งหมดดังนี้
- ห้ามออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด
- ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณที่ใดที่หนึ่ง
- ห้ามเสนอข่าว หรือจำหน่ายซึ่งหนังสือ หรือสื่อใดๆที่อาจทำให้ประชาชนหวาดกลัวหรือเกิดความไม่สงบ
- ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะที่กำหนด
- ห้ามใช้อาคารหรืออยู่ในสถานที่ใดๆ
- ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนด
สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (มาตรา 11 และ มาตรา 12)
- จับกุมและควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน
- ออกคำสั่งเรียกบุคคลมาให้ข้อมูล
- ออกคำสั่งยึดสินค้าอุปโภค, บริโภค หรือ เคมีภัณฑ์
- ออกคำสั่งตรวจค้น, รื้อ หรือ ทำลายอาคาร หรือ สิ่งปลูกสร้าง
- ตรวจสอบจดหมาย, โทรเลข, โทรศัพท์ รวมไปถึงยับยั้งการสื่อสารใดๆ
- การซื้อขาย, การใช้, หรือมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงเวชภัณฑ์ ต้องได้รับการอนุญาติจากเจ้าหน้าที่
- ห้ามมิให้ผู้ใดเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
- ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้