บัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่

ข่าวดีสำหรับประชาชนที่ถือบัตรทอง สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ ทั่วประเทศ

จากการรายงานของผู้สื่อข่าว ที่สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับประชาชนที่ถือบัตรทอง จะได้รับบริการเพิ่มถึง 4 อย่าง กับนโยบาย 30 บาท รักษาได้ทุกที่ เริ่มต้นนำร่องในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 นี้ก่อนที่จะนำไปใช้ทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2564

ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีนาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการเปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพ ว่าที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นชอบ ข้อเสนอเพื่อเป็นการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีผู้ที่มีสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ ผู้ที่ถือบัตรทองสามารถเข้าไปรับบริการที่ไหนก็ได้

เป็นอีกก้าวสำคัฐของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยที่ประชมบอร์ด สปสช. ได้ลงมติเห็นชอบข้อเสนอ สปสช. ในการพัฒนาระบบบริการเพื่อเป็นการช่วนลดขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการเข้ารับบริการของประชาชนผู้ที่มีสิทธิ ตามที่ได้มอบหมายนโยบายให้กับ สปสช. ก่อนหน้านี้ โดยสปสปช. ได้นำเสนอต่อบอร์ด เพื่อดำเนินการเร่งด่วนใน 4 เรื่องด้วยกัน

4 เรื่องที่นำเสนอต่อบอร์ด สปสช. เพื่อดำเนินการเร่งด่วน

  1. ประชาชนเจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัว ในหน่วยยบริการปฐมภูมิทุกที่ในระบบบัตรทอง ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” การเริ่มต้นการบริการจะเริ่มต้นในระดับปฐมภูมิเบื้องต้น โดยการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล โดยระบบบริการมีความพร้อมที่จะเดินหน้าได้ จะมีการขยายเครือข่ายการบริการ 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อรองรับ ผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลคลินิกหมอครอบครัว และผู้ป่วยเพิ่มเติม จัดทำระบบตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงมีระบบยืนยันตัวตนของประชาชนในการรับการบริการผ่านบัตรประชาชน ทั้งนี้จะเริ่มต้นได้ในัวนที่ 1 พฤศจิกายน 2563 นี้
  2. ผู้ป่วยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว จากเดิมสำหรับผู้ป่วยบัตรทอง ที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล มีส่วนหนึ่งต้องนอนรักษาตัวต่อเนื่อง เนื่องจากสาเหตุทางการรักษา แต่ในกรณีที่ใบส่งตัวครบกำหนด การใช้สิทธิบัตรทองต่อเนื่อง ผู้ป่วยหรือญาติต้องกลับไป ยังหน่วยบริการประจำเพื่อขอใบส่งตัวใหม่ ทำให้เกิดความไม่สะดวกและเป็นปัญหา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชนเลยออกนโยบายให้กับ “ผู้ป่วยใน ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว” ทางสปสช. ได้มีการปรับระบบ ให้ผู้ป่วย สามารถรักษาต่อเนื่องได้ทันที ตามการวินิจฉัยของแพทย์ เพียงแค่ใช้บัตรประจำตัวประชาชน ตรวจสอบตัวตนผู้ป่วย
  3. โรคมะเร็งสามารถรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีภาวะเจ็บป่วยที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อาการลุกลามและมะเร็งบางชนิดยังเพิ่มโอกาศในการรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยขั้นตอนการส่งตัวผู้ป่วยสิทธิบัตรทองบางครั้ง อาจจะเป็นอุปสรรคทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้เร็ว ทางด้าน สปสช. เลยได้มีการปรับระบบ ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่ถูกวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็งซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับใบรับรองและประวัติ หรือจะได้รับโค้ดเพื่อเลือกรับบริการที่อื่นผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่
    สายด่วน สปสช. 1330
    แอปพลิเคชั่น สปสช.
    ติดต่อที่หน่วยบริการโดนตรงเฉพาะที่โรงพยาบาล รักษามะเร็งที่มีความพร้อมเข้าร่วม ให้บริการตามขั้นตอนรักษามะเร็ง บริการระบบ สาธารสุขทางไกล บริการปรึกษาเภสัชกรทางไกล
  4. ผู้ถือบัตรทอง สามารถย้ายหน่วยบริการและได้สิทธิทันที โดยปกติแล้วจะต้องรอ 15 วันแต่ปรับเปลี่ยนใหม่ ไม่ต้องรอ 15 วัน ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่ประชาชนเรียกร้องมาเป็นระยะๆ เนื่องจากติดขัดในการเข้ารักการรักษาในช่วงของการเปลี่ยนหน่วยบริการที่ระบบกำหนดให้ ต้องรอ 15 วันแต่ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วยบริการ สปสช. สามารถปรับและแก้ปัญหาระบบ ช่วงว่างนี้ได้ ทำให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันทีหลังจากที่เปลี่อนหน่วยบริการประจำ สำหรับประชาชนที่เปลี่ยนหน่วยบริการผ่านแอปพลิเคชั่น สปสช. ก็สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยใหม่ได้ทันทีเช่นกัน จะเริ่มใช้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2564 นี้