อาการหนัก คปภ. ชี้แจงบริษัทประกันจ่ายเคลมประกันโควิด ต้องขอยื่นผ่อนปรน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลของบริษัทประกันวินาศภัย ต้องจ่ายเคลมประกันโควิดหนัก ล่าสุดขอยื่นขอผ่อนปรนเกณฑ์การเงินแล้ว 1 บริษัทคาดการณ์เอาไว้ว่า ยังจะมีบริษัทประกันขอยื่นผ่อนปรนอีก 2-3 บริษัท ทางคปภ. ได้เข้าคุม และช่วยเสริมสภาพคล่องแล้ว ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก
เปิดเผยข้อมูลจากทางเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัย ได้รับผลกระทบจากการจ่ายเคลมประกันโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ทำให้ฐานะการเงินต่ำกว่าเกณฑ์ที่ คปภ. ได้กำหนดเอาไว้ โดยเข้ามายื่นขอผ่อนปรนเกณฑ์ทางการเงินกับทาง คปภ. แล้วจำนวน 1 ราย ไม่ใช่บริษัทประกันวินาศภัยที่ถูกสั่งให้หยุดรับประกันภัยชั่วคราว มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า ในสัปดาห์นี้จะมีอีก 2 ถึง 3 บริษัทเข้ามายื่นขอเพิ่มเติม
ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้เข้าไปควบคุมและทำการออกมาตรการผ่อนปรนให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อให้เกิดสภาพคล่องบวกกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มีการคาดว่าจะส่งผลบวกต่อธรุกิจประกันภัย ตอนนี้ได้ทำ Stress Test แล้วแต่ยังไม่พบความเสี่ยงในเชิงระบบ ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของมาตรการผ่อนปรนจากทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยมีรายละเอียดตามข้อกำหนดด้านล่าง
- ผ่อนผันการดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ขั้นต่ำ
- ยกเว้นการคำนวณเงินกองทุนความเสี่ยงด้านการประกันภัยจากการรับประกันภัยโควิด-19
- อนุญาตให้บริษัทมีสัดส่วนของเงินสด และ เงินฝากธนาคารที่บริษัทใช้สำหรับการบริหารสภาพคล่องได้เกิน 5%
- สามารถนำเบี้ยประกันภัยค้างรับที่มีระยะเวลค้างชำระไม่เกิน 30 วัน มาใช้เป็นสินทรัพย์หนุนหลัง
- สามารถนำเบี้ยประกันภัยค้างรับที่มีระยะเวลาค้างชำระไม่เกิน 30 วัน มาใช้ในการคำนวณเงินสำรอง
- ยกเว้นการนำค่าเผื่อความผันผวนที่เรียกว่า Provision of Adverse Deviation หรือ PAD มาคำนวณเงินกองทุน
- สามารถนับเงินกู้ยืมด้อยสิทธิ์ตามลักษณะที่กำหนดาเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ได้
ในส่วนของบริษัทประกันที่เข้าเกณฑ์ที่กำนหดข้างต้น สามารถทำการยื่นคำขอผ่อนผันต่อนายทะเบียนโดยจะต้องจัดทำแผนการดำเนินการแก้ไขฐานะการเงินให้เสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และจะต้องทำการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนต่อนายทะเบียนทุก 15 วัน