บริษัทยา Pfizer เปิดเผยผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 เฟส 3

ประกาศจากทางกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานฝ่ายบริหารของบริษัทไฟเซอร์ เกี่ยวกับผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในเฟส 3 ขั้นตอนสุดท้าย ร่วมกับบริษัทพัทธมิตร BioNTech โดยได้ออกมาระบุความสำเร็จมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันการติดเชื้อของไวรัสโคโรนา ของกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครที่ได้มีการเข้าร่วมการทดสอบ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลการทดสอบครั้งนี้ จัดทำโดยคณะกรรมการอิสระ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 40,000 คน จากประเทศทั้งหมด 6 ประเทศ รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา การทดสอบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถช่วยป้องกันการติดโควิด-19 โดยคนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน และถือว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับการทดสอบในขั้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานฝ่ายบริหารไฟเซอร์ กล่าวว่าผลการทดสอบนี้อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะได้รับการรับรองจากทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ FDA สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลทางด้านความปลอดภัยของวัคซีนเพิ่มเติม

ในส่วนของข้อมูลด้านความปลอดภัคของวัคซีนเข็มที่ 2 และ เข็มสุดท้าย ในช่วงเวลาเฉลี่ยสองเดือน ตามแนวทางที่ FDA กำหนดเอาไว้จะสามารเปิดเผยออกมาได้ในในช่วงสัปดาห์หน้าก่อนที่จะมีการเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ก่อนหน้านี้ทางด้าน สถาบันโรคภูมิแพ้ และ โรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐได้ออกมาระบุว่าวัคซีนที่มีอัตราผลสำเร็จในระดับ 70%-75% ถือว่ายอมรับได้ ซึ่งทางด้านบริษัทยาไฟเซอร์ อิงค์ของ สหรัฐ และไบโอเอ็นเท็คเยอรมนี ประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสมาก่อน หลังจากใช้เวลาในการทดลอง กับทางอาสาสมัครกว่า 1 หมื่นคน ถือว่าเป็นความก้าวหน้า และเป็นข่าวดีที่สุดของโลก กับการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ในตอนนี้เลย

จากการตรวจสอบ ทางด้านบริษัทยา ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค ทำสัญญามูลค่า 1.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กับทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อทำการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด 19 จำนวน 100 ล้านโดส โดยจะเริ่มต้นในช่วยปีนี้ รวมถึงผลิตวัคซีนให้กับสหภาพยุโรป, อังกฤษ, ญี่ปุ่น และ แคนนาดาด้วย จากการประกาศความสำเร็จดังกล่าว ทำให้หุ้นพุ่งสูงขึ้น และ ราคาทองคำต่อออนซ์ลดลงค่อนข้างเยอะ