ข้อมูลของผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ อังกฤษ ล่าสุด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทย ขณะนี้ถือว่าเป็นระลอกที่ 3 แล้ว ซึ่งการระบาดครั้งนี้ ตรวจพบว่าเป็นการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ เป็นสายพันธุ์ ที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว แพร่เชื้อได้เร็วกว่าถึง 1.7 เท่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ จากตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุด พบสูงถึง 1,500 กว่ารายติดวันไปแล้ว ทำให้ทางรัฐบาล และโรงพยาบาลต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีรับมือ เนื่องจากเตียงตามโรงพยาบาลเต็มหมดแล้ว ทำให้ต้องมีการสร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นมา

ล่าสุดมีแพทย์ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ออกมาแชร์ประสบการณ์ การดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ ได้ออกมาแชร์ถึงประสบการณ์ดูแลคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ เพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์และผู้ที่สนใจ ได้ลองสังเกตอาการตัวเองที่บ้าน

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ

อาการปอดอัพเสบ ตรวจพบเยอะมาก เยอะกว่ารอบก่อน โดยผู้ชายจะมีอาการที่รุนแรงกว่าผู้หญิง สำหรับอาการที่ต้องระวังให้ดีก็คือ เป็นไข้, ไอ และ เหนื่อย วันที่ 5 ถึงวันที่ 8 ของผู้ติดเชื้อ จะเริ่มมีอาการป่วย แพทย์สามารถสั่งสแกนปอดได้เลย โดยสามารถสแกนตั้งแต่วันแรก และสแกนอีกครั้งวันที่ 5 ของผู้ที่มีอาการ โดยจะต้องเริ่มสอบถามประวัติตั้งแต่วันที่เริ่มมีอาการให้ดีๆ ไม่ใช่วันที่แอดมิตเข้าโรงพยาบาล แต่ถ้าวันแรกมีไข้ขึ้น สามารถสแกนปอดได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอวันที่ 5

โดยปกติแล้ว ค่าออกซิเจนในเม็ดเลือดของเราจะอยู่ที่ร้อยละ 98 ถึง 99 แต่ถ้าวันไหนอยู่ที่ 95-96 ให้ระวังคนไข้ให้ดี สำหรับอาการที่พอบ่อยของเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์อังกฤษ ก็คือ เวลาหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วอึดอัดอยากจะไอออกมา เสมหะจะมีความเหนียวมากๆ บางครั้งจะมีเลือดปนออกมา พยายามให้คนไข้เดินไปเดินมา ไม่ควรนั่งเฉยๆ เนื่องจากการเดินไปเดินมานั้น จะทำให้เลือดหมุนเวียนเพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน

ความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษ

สำหรัความเสี่ยงที่น่ากลัวมากๆ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์อังกฤษ ก็คือ โรคอ้วนนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่มีว่า BMI หรือ Body Mass Index แปลเป็นไทยก็คือ มวลร่างกาย ที่มีมากกว่า 30 บวกกับโรคเบาหวาน จากการตรวจสอ คนอายุน้อยๆ มีอาการที่รุนแรงเยอะพอสมควร ถ้าหากมีการให้ยาต้านโควิด (Favipiravir) แล้วมีไข้ หรืออาการแย่ลง ต้องลองอย่างอื่นเพิ่ม หากไข้ไม่ลดลงภายใน 2 วัน ต้องให้ฟิล์มด้วย รอบนี้มีข่าวว่า ยา Favipiravia ไม่ค่อยได้ผล อาการที่สงสัยว่าอาจจะแย่ได้ก็คือ อาการท้อเสียที่นำมาตั้งแต่แรก บวกกับเจ็บคอมากๆ ต้องเฝ้าระวังให้ดีๆเลย