เปิดรายละเอียดสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการจ้างงานเฟส 2 ประกันสังคม
ประกันสังคมจับมือกับธนาคาร เพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียน ช่วยเหลือด้วยสินเชื่อส่งเสริมการจ้างงาน เฟส 2 วงเงินรวม 15 ล้านบาท ต่อรายหนุนจ้างงานผู้ประกันตนทั่วประเทศไทย
สำนักงานประกันสังคม จับมือกับธนาคารช่วยสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนผ่านโครงการ สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ด้วยวงเงินรวมไม่เกิน 15 ล้านบาท ต่อรายหนุนจ้างงานผู้ประกันตนทั่วประเทศไทย ในกรณีที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันคิดเป็น 2.75% ต่อปี วงเงินคงที่ 3 ปี สำหรับรายที่ใช้บุคคลค้ำดอกเบี้ย จะอยู่ที่ 4.75% ต่อดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี
สินเชื่อ สปส. เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน
ระยะที่ 2 พ.ศ 2563 – พ.ศ. 2564 เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน สถานประกอบการสามารถทำการยื่นขอสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานของสำนักงานประกันสังคม ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรอื EXIM Bank และ ธนาคารยูโอบี จำกัดมหาชน ทุกสาขา
ขั้นตอนที่ 1 สถานประกอบการขอหนังสือรับรอง
- ยื่นขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการ จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัด
- หรือพิมพ์หนังสือรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการ ผ่านระบ e-service ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th/eservices/esv/index.isp และเลือกหัวข้อ ขอหนังสือรับรองโครงการสินเชื่อ หรือสแกน QR Code
ขั้นตอนที่ 2 สถานประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารพร้อมเอกสารเบื้องต้น
- หนังสือรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการ ออกโดยสำนักงานประกันสังคม
- เอกสารยื่นขอสินเชื่อถามหลักเกณฑ์และระเบียบของธนาคาร
ขั้นตอนที่ 3 แจ้งผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
- ธนาคารแจ้งผลการพิจารณากับสถานประกอบการโดยตรง
หลังจากประสบความสำเร็จ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส ยังคงสามารถจ้างงานผู้ประกันตนต่อไป โดยเปิดให้สถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานประกันสังคม สมารถทำการขอสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องททางการเงิน กับสถาบันการเงิน ด้วยวงเงินรวมสูงสุด 15 ล้านบาท ในเฟส 1 มาแล้วและกรณีผู้ประกอบการต้องการขอสินเชื่อเพิ่มจากธนาคารเดิม วงเงินรวมจะต้องไม่เกิน 15 ล้านบาท หากสถานประกอบการใดมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ต่อปี คงที่ 3 ปี สถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.75 ต่อปีคงที่ 3 ปี
สำหรับผู้ประกอบการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ www.sso.go.th