ต่ออายุ คนละครึ่ง และ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สั่งต่ออายุ คนละครึ่ง + เที่ยวด้วยกัน

นายกมีคำสั่ง หลังจากที่ได้มีการหารือกับทาง ผู้ว่า ธปท. เดินหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ต่อมาตรการ กลุ่มโคเพย์ คนละครึ่ง และ เราเที่ยวด้วยกัน หลังจากที่มีการเร่งออกมาตรการ เพื่อดึงคนที่มีเงินออมออกมาใช้จ่ายเพิ่มเติม

ประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งนี้ได้มีการเรียกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินถึงมาตรการกระตุ้นเศรษบกิจ โดยมีผู้เข้าร่วมคือ รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.

จากการประชุมดังกล่าวได้มีรายงานให้กับทางนายกรัฐมนตรี ได้ทราบถึงผลการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการภาครัฐในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการหมุนเวียนผ่านร้านค้าได้ดี โดยภาพรวมของเศรษฐกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ตั้งแต่มีการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ทางด้านนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานเศรษฐกิจพิจารณาต่ออายุมาตรการ ที่จะช่วยในการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อให้ต่อเนื่องจากมาตรการที่จะหมดอายุ ซึ่งมาตรการที่คาดว่าจะสามารถต่ออายุได้แน่นอนก็คือ มาตรการคนละครึ่ง และ มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งทั้ง2 โครงการ จะมีการต่ออายุเป็นเฟส 3 ได้แต่ คนละครึ่งเฟส 3 และ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เพราะว่าใช้เงินไม่มาก และจะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 นี้

มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะ 3

ในส่วนของมาตรการ เราเที่ยวด้วยกัน ระยะ 3 นั้นจะมีการเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์เกษตรกิจจากผลกระทบของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 26 มีนาคม 2564 นี้

มาตรการดึงคนมีเงินฝากมาเพื่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ

นอกจากนี้ยังมีรายงานนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมามีเงินฝากในระบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับหลายๆประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งแนวทางที่ภาครัฐเคยดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ก็คือมาตรการ ช็อปดีมีคืน แต่มาตรการใหม่ที่จะออกมานั้นจะไม่ได้คิดในเรื่อของฐานภาษี หรือระยะเวลาของการยื่นภาษีเป็นหลักซึ่งจะต้องขอรอดูก่อนว่าจะออกมาในลักษณะไหน แต่ฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำไปหามาตรการเพิ่มเติมในการจูงใจให้คนออกมาใช้จ่าย นอกจากนี้ นายกยังได้ออกมาสอบถามถึง มาตรการเราผูกพัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือข้าราชการ ที่มีรายได้น้อยจำนวน 1 ล้านคน คนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องดูแลเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้จะไม่ถูกหักเงินเดือน

และในส่วนของการติดตาม เกี่ยวกับสถานการณ์การผิดชำระหนี้ ของผู้ประกอบการรายย่อยและ สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้กับสถานบันการเงินทั้ง 21 แห่ง ทางด้านนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และขอให้มีการรายงานความคืบหน้า ให้ทราบอีกครั้ง