พัฒนาธุรกิจออนไลน์ด้วยการทำ Content Marketing
ในยุคปัจจุบันที่หลายๆอย่างถูกปรับเปลี่ยนมาให้เป็นออนไลน์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยปกติแล้วการจับจ่ายใช้สอยถ้าเป็นสมัยก่อน การสั่งซื้อของ จะต้องเดินทางไปที่ร้านเพื่อที่จะซื้อของเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบัน พฤติกรรมการซื้อของ ของคนไทยเปลี่ยนไป เปลี่ยนจาก offline เป็น online กันเกือบจะทุกประเภทเลยก็ว่าได้ การที่คนส่วนใหญ่ให้พุ่งเป้ามาที่ออนไลน์นั้น ทำให้ความสำคัญของการตลาดออนไลน์ ยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
วันนี้เรามาเรียนรู้การทำการตลาดผ่านบทความ หรือที่เรียกกันว่า “Content Marketing” กันเถอะ การทำการตลาดผ่านบทความนั้นมีความสำคัญมากๆสำหรับบริษัท และ ธุรกิจต่างๆ เพราะว่ามันสามารถส่งผลต่อยอดขายของบริษัท รวมไปถึงยอดสมัครบริการของลูกค้าด้วย แต่การทำ Content Marketing นั้นมันไม่ได้ง่าย และ มันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน การทำ Content Marketing 1 บทความให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ที่เขียน Content เพื่อการตลาด จำเป็นจะต้องมีการวางแผน และ ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี เหตุผลที่เราต้องทำความเข้าใจ “ความต้องการของลูกค้า” เพราะตอนที่เราสร้าง Content ขึ้นมานั้น มันจะถูกวัดผลด้วย ยอดขาย หรือ จำนวนที่คนสมัครนั่นเอง
การที่เราจะวัดผลว่า Content Marketing ที่เราสร้างนั้นประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน เราสามารถวัดผลได้จาก Key Performance Indicators หรือ ที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่า KPI นั่นเอง ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือ ตัวชี้วัดความเหมาะสม ว่าแคมเปญที่คุณกำลังทำอยู่นั้นดี หรือ ว่าไม่ดี มันยังเป็นตัวช่วยสำหรับนักการตลาด เพื่อที่จะใช้ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อีกด้วย ถ้าเกิดว่าเราไม่สามารถทำยอดให้ถึงจุดที่เราตั้ง KPI ไว้ได้ เราก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นเอง
Content Marketing ในมุมมองของนัก Affiliate Marketing
การสร้าง KPI ถ้าจะให้คิดถึงในมุมของนัก Affiliate Marketing หลายๆคนต้องคิดถึง “ยอด Conversion” แน่นอน ยิ่งยอด Conversion เยอะเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่เป็นค่า Commission ที่นัก Affiliate จะได้รับก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแคมเปญที่ นัก Affiliate นำไปโปรโมทด้วย สำหรับการตั้ง KPI สำหรับนัก Affiliate สามารถแบ่งได้หลายแบบ สามารถดูรายละเอียดได้ด้านล่าง
- Conversion Rate: คืออัตราการกระทบบางอย่าง ต่อการเข้าชม เช่น จำนวนการกดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือ จำนวนสินค้าที่ขายได้ผ่าน Content นั้นๆ เป็นต้น
- Click Through Rate (CTR): จำนวนคลิกของปุ่มโฆษณา ที่ถูกหารด้วยจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฎ
- Cost Per Lead (CPL): อีกหนึ่งตัวที่ใช้ชี้วัดต้นทุนของแคมเปญ ด้วยการหารด้วยโอกาสในการสมัครของแต่ละ Content ที่เราสร้างขึ้นมา เพื่อเช็คว่า Content Marketing อันไหน หรือ Content Marketing ประเภทไหนที่ใช้ต้นทุนในทำให้ ลูกค้ากรอกข้อมูล เพื่อทำการสมัคร และ คุ้มค่ามากที่สุด